เข้าเฝ้า ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ - ชมนิทรรศการ ถักร้อย-สร้อยรัก

ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ทรงบรรเลงกู่เจิ้งแก่พสกนิกรชาวไทย ณ กรุงเจนีวา

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นอีกหนึ่งวันที่ผู้เขียนได้เก็บภาพ และเรื่องราวดีๆ พร้อมทั้งความปลื้มปิติสุขที่แม้ถึง วันนี้ ความรู้สึกเช่นนั้นก็ยังประทับอยู่ในใจผู้เขียน นึกถึงคราวใดก็สุขเมื่อนั้น ผู้เขียนจึงอยากแบ่งปันความทรงจำดี ๆ เช่นนี้ แก่ทุกท่านที่อาจบังเอิญผ่านเข้ามา ณ บ้านหลังนี้

ผู้เขียนและชาวไทยในสวิสฯ ได้มีโอกาส เข้าเฝ้า ศาตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี  ในโอกาสที่พระองค์เสด็จเยือนสมาพันธรัฐสวิสฯ ระหว่างวันที่ 17 – 22 กุมภาพันธ์ 2555 เพื่อทรงเข้าร่วมการประชุม กับองค์การอนามัยโลก  เรื่องการดำเนินงานทางด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และในฐานะที่ทรงเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย  ที่จะเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติ ว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ เมืองริโอ เดอ จาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ในเดือนมิถุนายน 2555

ในโอกาสนี้ ชาวไทยในสวิสฯ  ยังได้ชมนิทรรศการการแสดงสร้อยฝีพระหัตถ์ในโครงการ “ถักร้อย-สร้อยรัก” และร่วมสมทบทุนมูลนิธิจุฬาภรณ์ช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการบำบัดรักษา 

นอกจากจะได้ร่วมการกุศลฯ ในครั้งนี้แล้ว ยังมีโอกาสได้ชื่นชมพระปรีชาสามารถทางด้านดนตรีของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ที่ทรงพระกรุณาบรรเลงกู่จิ้งให้แก่พสกนิกรชาวไทยที่เข้าเฝ้าในวันนั้นได้ฟังกัน ผู้เขียนรู้สึกปลาบปลื้ม ปิติเป็นล้นพ้น แม้ถึงทุกวันนี้ ซึ่งหากผู้เขียนอยู่เมืองไทยคงไม่มีบุญที่จะได้เข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เป็นแน่   

 ผู้เขียนขอกราบขอบพระคุณ ท่านเอกอัครราชฑูต อาภรณ์ มัสยวานิช ประจำประเทศสวิสฯ ณ กรุงเบิร์น พร้อมทั้งคณะทำงานทุกท่าน แทนคนไทยทุกคน ที่ได้จัดงาน ประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้พี่น้องชาวไทยในสวิสฯ ได้เข้าเฝ้าและชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด   

เอกอัครราชฑูต อาภรณ์ มัสยวานิช ประจำประเทศสวิสฯ กรุงเบิร์น นำคณะชาวไทยเขาเฝ้าฯ

แม้ว่าพระวรกายของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ยังไม่แข็งแรง แม้พระตำหนักจักรีบงกช ที่ประทับส่วนพระองค์จะประสบอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ มีน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร ขังเป็นแรมเดือนเช่นเดียวกับชาวบ้านจังหวัดปทุมธานี และอีกหลายจังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังเมื่อปลายปีที่ผ่านมา  แต่อุปสรรคและปัญหาเหล่านั้น ก็ไม่ได้ทำให้พระองค์ทรงท้อถอย แต่กลับทรงมุ่งมั่นเสด็จไปเยี่ยมพสกนิกรที่ตกทุกข์ได้ยากทั้งทางบกและทางน้ำในหลายจังหวัด ทรงช่วยเหลือทุกวิถีทางเพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุขแก่พสกนิกรชาวไทยของพระองค์ ทรงอนุญาติให้ใช้พื้นที่พระตำหนักจักรีบงกชในส่วนที่น้ำท่วมไม่ถึง จัดตั้งหน่วยแพทย์พระราชทาน ประกอบด้วยแพทย์จากมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ศิริราชพยาบาล และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  ให้บริการตรวจรักษาผู้ประสบภัยและสัตว์เลี้ยงที่เจ็บป่วย ทรงมีพระปฎิสังขรกับชาวบ้าน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ที่เข้ารับการรักษาในหน่วยแพทย์ภายในพระตำหนักจักรีบงกชอย่างใกล้ชิด

นอกจากจะทรงให้กำลังใจชาวไทยทุกคนที่ประสบปัญหาจากอุทกภัยในครั้งนี้ ยังทรงให้คำปรึกษา พระราชทานข้อคิด และทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาวบ้าน อย่างไม่ถือพระองค์อีกด้วย

น้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ในครั้งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าอยู่เหนือกว่าอุทกภัย หรือภัยพิบัติอิ่นใด ทั้งปวง ดั่งความตั้งมั่นในพระราชหฤทัยปฎิบัติพระราชกรณียกิจอย่างไม่ย่นย่อเพื่อฟสกนิกรชาวไทยทุกคน 

„ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะไม่ปั็มน้ำออกจากบ้านเพื่อจะให้บ้านแห้ง  เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่า ถ้าข้าพเจ้าทำเช่นนั้น พี่น้องชาวบ้านจะเดือดร้อน  ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนกับพี่น้องทุกคน และเราจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้ไปด้วยกัน  และข้าพเจ้าก็ได้สั่งแม่บ้านของข้าพเจ้าแล้วว่า ให้ทำกับข้าวไปส่งตามบ้านต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกลไม่สามารถออกมาได้ แม่บ้านได้รายงานว่า เขาได้ทำกับข้าวมื้อละพันกล่องไปแจกโดยรอบบริเวณพระตำหนักนี้  ข้าพเจ้าให้สัญญาว่าข้าพเจ้าจะกลับมาดูแลทุกสัปดาห์จนกว่าทุกอย่างจะคืนสู่สภาวะปกติ ด็ขอให้พี่น้องทุกคนใจสู้เข้าไว้ แล้วก็อดทนเข้าไว้ พวกเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน”

ขอพระองค์ทรง พระพลานามัยแข็งแรงในเร็ววัน  และทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

บรรยากาศในงานนิทรรศการ ถักร้อย-สร้อยรัก

น้ำใจชาวไทยเพื่อการกุศล ร่วมสมทบทุนมูลนิธิจุฬาภรณ์เพื่อผู้ป่วยมะเร็งที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการรักษา