Dhamma for Life

"เราจะเป็นชาวพุทธที่แท้จริงนะ เราต้องศึกษาสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ศึกษาอย่างเดียวไม่พอนะ ต้องลงมือปฏิบัติจริงๆ ด้วยจนเห็นผล พอเห็นผลแล้ว เราก็มีหน้าที่บอกต่อ เนี่ยหน้าที่ของชาวพุทธนะ ตัวเองต้องศึกษา ต้องฟังก่อน ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร เรียกว่าเรียนปริยัตินั้นเอง แล้วก็ลงมือปฏิบัติว่าได้ผลแล้วก็ต้องบอกต่อ ศาสนาถึงจะดำรงอยู่ได้ แต่ละคนมีภารกิจ อย่านึกว่าแค่ว่าเราจะมาฟังธรรมะเล่นๆ แต่ละคนมีความสำคัญทั้งนั้น"


"หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้ ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลาจะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป เพราะถึงเวลานั้น พวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทาง ไปอีกนานแสนนาน"

...หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช...สวนสันติธรรม...

Aug 23, 2010

The Power of Positive Thinking and Attitude-กำลังใจจากเพื่อน


กำลังใจ มีมาให้เสมอ แม้อยู่ไกลกันสุดขอบฟ้า
อาทิตย์ก่อนเพื่อน ๆ ส่งความห่วงใจพร้อมด้วย Positive Thinking มาให้
เพื่อนๆ คงเป็นห่วง เห็นฉันเงียบหายไป  จึงส่งกำลังใจผ่านดินฟ้าอากาศมา
ทั้งกำลังใจ พร้อมตัวเลือกมาในเมล์เดียวกัน ข้อ 1 ส่งเมล์ต่อให้เพื่อน หรือ ข้อ 2 ลบเมล์ทิ้งเสีย 

ฉันเลือกที่จะแปะไว้ที่หน้าบ้านหลังเล็กนี้แทน (ที่เจ้าของใจดี อย่าง blogspot ให้ฉันใช้เนื้อที่ปลูกบ้านฟรี โดยไม่คิดค่าตอบแทน ตราบใดที่บ้านไม่ใหญ่โตเกินเนื้อที่) ด้วยเผื่อว่า จะเป็นประโยชน์ และเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้กับเพื่อน ๆ และทุกคนที่อาจจะบังเอิญพลัดหลงมายังหน้าบ้านฉัน
เพื่อนบอก ได้รับข้อความจากเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนของเธอได้เลือกที่จะส่งเมล์ให้เธอแทนที่จะลบทิ้ง และเธอ (เพื่อนของเพื่อน) ได้เล่าเรื่องราวของเด็กหญิงตัวเล็กๆ เป็นข้อคิดดี ๆ มาในเมล์ด้วย 

Aug 15, 2010

Anangana Sutta-without blemish ผู้ไม่มีกิเลส



เมื่อไรเจ้า สมุทัย วายร้ายตัวดี มีพิษสงมากหลายตัวนี้เข้ามาจับจองพื้นที่ในจิตเมื่อไร ไอ้ที่บอกว่ามีสติและมั่นคงนักหนานั้น ก็มีอันซวนเซถูกสมุทัยต้อนเข้ามุมจนหมอบราบคาบ คางเหลืองได้เหมือนกัน  ไหนหล่ะ ที่ว่าเป็นคนดี มีจิตเมตตา ไม่พยาบาท คาดแค้นไง ที่แท้ก็พวกเดียวกับฉันนั่นแหล่ะ ฮี้โธ่ นึกว่าแน่ เมื่อเจ้าสมุทัย ต่อยหมัดหนักเข้าคาง แถมยิ้มเยาะ พร้อมหย่อนคำเย้ยแล้วจากไปอย่างผู้ชนะ ทำเอาเจ้าจิตสวย (ที่หลงคิดว่าตัวเอง จิตดี ไม่มีที่ติ) ลงไปนอนคางเหลือง หายใจรวยริน เห็นความจริงอีกครั้ง (นับไม่ถ้วน) ว่าที่หลงตัวเองอยู่นาน เป็นคนดี ตีบทคนใจบุญแตกนั้น ยังสอบไม่ผ่านแถมต้องช้ำใจที่ เมื่อเห็นอาสวะหนึบหนารอบจิตอีกหลายตัน...ไม่เป็นไรนะ ลุกขึ้นสู้ใหม่ หมั่นบริหารจิตไป  สักวันคงไม่ต้องระทมทุกข์กับ กิเลส ที่นับวันจะเห็นทับทวีคูณ จนสติกระเจิดกระเจิงเมื่อเจ้าสมุทัยเข้ามาปลุกปั่น..."

 
หนทางขัดเอาอาสวะให้หมดจากจิตได้  พระผู้รู้ สาวกของพระบรมครูท่านบอกไว้ว่า มีอยู่ทางเดียว  คือหมั่นบริหารจิต ศึกษาและปฎิบัติตามคำสอนของพระบรมครู...เท่านั้น...



ตามที่เคยเล่าไว้เกี่ยวกับมนุษย์ 4 จำพวก พระพุทธเจ้า แยกดีแยกเลว อยู่ที่รู้หรือไม่รู้  กิเลสเกิดแล้วรู้ทันตรงนั้นดี  อยู่ที่รู้ทันจิต มีอยู่ 4 พวก นั้น    หลายคนที่ยังไม่รู้ และยังสงสัย (รวมทั้งผู้เขียน) ว่า คนมีกิเลสเหมือนกันทำไม พวกหนี่งกลับบอกว่าดี และอีกพวกหนึ่งกลับบอกว่าใช้ไม่ได้

·                     พวกหนึ่ง จิตเป็นกุศลรู้ว่าเป็นกุศลนั้นดีเลิศ (ไม่มีกิเลสและรู้ว่าตนไม่มีกิเลส)
·                     พวกหนึ่ง จิตเป็นกุศลแล้วไม่รู้ว่าเป็นกุศล ใช้ไม่ได้ (ไม่มีกิเลส แต่ไม่รู้ว่าตนไม่มีกิเลส)
·                     พวกหนึ่ง จิตเป็นอกุศล รู้ว่ามีอกุศล ท่านบอกว่าดี (มีกิเลส และรู้ว่าตนมีกิเลส)
·                     พวกหนึ่ง จิตอกุศลเกิดแล้วไม่รู้ว่า อกุศลเกิด นี้ใช้ไม่ได้ (มีกิเลส แต่ไม่รู้ว่ามีกิเลส)

วันหนึ่ง ก็ได้คำเฉลย เมื่ออ่านไปเจอในหนังสือพระไตรปิฎก ฉบับที่ทำให้ง่ายแล้วของอาจาย์ วศิน อินทสระ  จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าเป็นประโยชน์ และคลายความความสงสัย (โดยเฉพาะจิตที่ชอบคิดค้นไม่หยุด) เห็นอัศจรรย์คำสอนของพระพุทธองค์ ว่าแจ่มแจ้งเพียงใด

ว่าที่จริง ความสงสัยนี้ไม่ได้เพียงแต่เฉพาะเราที่กำลังเดินตามรอยพระบาทพระพุทธองค์เท่านั้น หากแต่พระมหาโมคคัลลานะ ได้สงสัยและถามพระสารีบุตร ไว้แต่กาลที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่
ณ เชตวัน เมื่อครั้งพระสารีบุตรได้แสดงธรรมข้อนี้แก่ภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย

พระสารีบุตรได้อธิบายว่า  
ที่เป็นดังนั้นเพราะ
คนที่มีกิเลสแต่ไม่รู้ว่ามีกิเลส ย่อมเป็นเหตุให้กิเลสเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ (เหมือนตนเป็นโรคแต่ไม่รู้ว่าตนเป็นโรค)

ส่วนคนที่ไม่มีกิเลสแต่ไม่รู้ว่าตนไม่มีกิเลสนั้นย่อมทำให้กิเลสกำเริบขึ้นได้ ทำให้ราคะ โทสะ โมหะ กำเริบจขึ้นได้ (เหมือนคนหายโรคแล้วแต่ไม่รู้ว่าหายแล้ว เป็นคนหลง ไม่รู้ตามความเป็นจริง)

ส่วนคนมีกิเลส รู้ว่าตนมีกิเลส ย่อมมีโอกาสทำลายกิเลสให้หมดไป คนที่ไม่มีกิเลส รู้่ว่าตนไม่มีกิเลส ชื่อว่ารู้ตามความเป็นจริง

พระสารีบุตรได้แสดงตัวอย่างกิเลสที่เรียกว่า อังคณะ  คือกิเลสชนิดต่าง ๆ เกี่ยวกับโลภ โกรธ หลง และความปราถนาต่าง ๆ อันไม่เป็นธรรม เช่น ภิกษุปราถนาให้ตนได้ลาภได้ความนิยมนับถือแต่เพียงผู้เดียว  ผู้อื่นอย่าได้ เป็นต้น รวมเรียกว่า อิจฉาวจร แปลว่า ท่องเที่ยววนเวียนอยู่ในความปราถนาต่าง ๆ ไม่มีสิ้นสุด  ถ้ายังละอิจฉาวจรเหล่านี้ไม่ได้  แม้เธอจะอยู่ป่า นุ่งห่มผ้าสีเศร้าหมองแสดงตนเป็นผู้เคร่งครัด เป็นต้น  เพื่อนภิกษุด้วยกันก็หาเคารพนับถือไม่  ส่วนภิกษุผู้ละบาปอกุศลต่าง ๆ ได้ แม้จะอยู่เสนาสนะใกล้บ้าน รับนิมนต์ คือฉันอาหาร ตามที่ชาวบ้านนิมนต์ไปตามบ้าน หรือมาถวายที่วัด  ใช้จีวรที่ชาวบ้านถวาย  ซึ่งไม่ใช่บังสุกุลจีวรก็ตาม  เพื่อนภิกษุด้วยกันก็เคารพนับถือ

ภิกษุผู้ยังละบาปอกุศลอันเป็นกิเลสอยู่ในใจไม่ได้  แม้จะแสดงตนว่าเคร่งครัด น่าเลื่อมใส  ก็เป็นแค่เพียงภายนอกเท่านั้น  ส่วนภายในเต็มไปด้วยความเศร้าหมองเหมือนถาดสัมฤทธิ์ที่สวยงามภายนอก  แต่ภายในบรรจุซากศพไว้ พึงรังเกียจ น่าสะอิดสะเอียน

ส่วนภิกษุผู้ละอิจฉาวจรอันเป็นบาปอกุศลได้แล้ว  แม้จะมิได้แสดงตนว่าเคร่งครัด  แต่ภายในบริสุทธิ์สะอาดปราศจากกิเลสอันทำให้เศร้าหมอง  เปรียบเหมือนภาชนะสัมฤทธิ์หรือถาดสัมฤิทธิ์ที่สวยงามทั้งภายนอกและภายใน  มีโภชนะอันปราณีตน่าบริโภค

พระพุทธองค์ตรัสว่า  ผู้พรั่งพร้อมด้วยอิจฉาและโลภะจะเป็นสมณะได้อย่างไร เป็นได้แต่เพียงบุคคลประเภทขี้ม้า  คือเกลี้ยงเกลาแต่ภายนอก  ภายในรุงรังสกปรก เพราะฉะนั้นจึงควรระวังภายในให้ดี  ถ้าสวยทั้งภายนอกและดีทั้งภายในก็ดียิ่งขึ้น

ที่มา:  พระไตรปิฎกฉบับที่ทำให้ง่ายแล้ว หน้า ...อาจารย์วศิน  อินทสระ

Aug 11, 2010

Dhamma Osoth-ธรรมโอสถ ยาขนานเอกจากพระพุทธองค์ จากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

เพื่อนบอกอยากรู้เรื่อง ธรรมโอสถที่ฉันเคยบอกไว้ วันนี้ไปอ่านเจอประวัติพระอาจารย์มั่น จากหนังสือหลวงตามหาบัว ท่านเล่าเกี่ยวกับพระอาจารย์มั่นไว้  ธรรมโอสถของพระพุทธเจ้าเลิศ กว่ายาใด ๆ ทั้งสิ้น  รักษาได้ทั้งกาย และใจ  ไว้มีโอกาสแล้วจะเล่าประสบการณ์ให้ฟังทีหลัง


ที่มา: http://www.oknation.net/blog/stang/2009/08/07/entry-2
ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ : ตอน ๑๐ ธรรมโอสถ ๑
โดย หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน  วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี

"พอได้สติจากความวิตกวิจารที่ผุดขึ้นมา
ท่านก็ตัดสินใจและบอกกับตัวเองทันทีว่า
นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เราจะระงับโรคพรรค์นี้
ด้วยยา คือ ธรรมโอสถเท่านั้น"


Aug 3, 2010

Mangala Sutta and Friendship

ไหน ไหน ก็ สลับโหมดเขียน งานฉลอง และต้อนรับแล้ว เลยถือโอกาสต่อด้วย เพื่อนเก่าเข้ามาเยือน” 
ขอบคุณน้ำใจเพื่อนผ่าน โลกไซเบอร์สเปซ เสียเลย
 
ก่อนอื่น หวังว่า  เพื่อนคงเดินทางกลับถึงเมืองไทยด้วยความสวัสดิภาพและอิ่มใจ

หลังจากเก็บตกแหล่งท่องเที่ยวดินแดนแห่งนมวัวและถิ่นผลิตชีสกว่า 3000 ชนิด  เพื่อนเก่าคู่บุญ สามี-ภรรยา อุตส่าห์ดั้นด้นหาบ้านฉันจนเจอ (เก่งซะไม่มี nga) แถมหอบของกำนัลหลากหลายมาฝาก  หนึ่งในนั้นมีของที่ฉันชอบ คือส้มโอแสนอร่อยลูกเขียวสดจากเมืองไทย (ช่างมีบุญเสียจริํ๊ง  แค่นึกก็ได้กิน เนอะ อย่างกับรู้ใจ) น่ากินขนาดไหนดูเอาเองแล้วกัน  (เดชะบุญ ที่ฉันยังเก็บ chip no. 14 ที่แม่ฝังไว้้ใน DNA เมื่อครั้งเป็นเด็กหญิง มาใช้ ไม่งั้น คงเหมือนลิงได้กระป๋องโค้ก กินก็ไม่ได้ ได้แต่โยนไป-มา) น้ำใจเพื่อนมากเหลือสมกับเป็นคนชอบทำบุญ   อุตส่าห์หอบมาเป็นลูกให้ลำบาก แต่ก็ขอบใจเพื่อนมั่ก ๆ ในน้ำจิตมิตรไมตรี  


Aug 1, 2010

Happy Birthday แม่เธอ และแม่ฉัน


คนหนึ่งคน จะทำอะไรได้มากกว่านี้ หัวข้อ  forwarding mail ที่เพื่อนส่งมาให้หลายอาทิตย์ก่อน อ่านแล้วโดนใจ เห็นด้วยเลย  คนหนึ่งคน หนึ่งสมองสองมือ  แม้อยากจะทำอะไรหลายอย่าง ก็ยังไม่เป็นอย่างใจ   


ฉันต้องพักมือ (ชั่วคราว)  จากงานเขียนหนังสือเมื่อสองวันก่อน สับสวิทช์เข้าโหมด  งานฉลอง และต้อนรับ”  หนึ่งสำคัญคือ  วันคล้ายวันเกิด ของแม่สามี  และ แม่ฉัน;