ในชีวิต เราทุกคนต้องมีเรื่องประทับใจ ที่ได้ประสบ ทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ทั้งคิดไม่ถึงในบางช่วงของชีวิตว่าจะได้พบเหตุการณ์ดี ๆ เหล่านั้น ให้ได้เก็บไว้ในลิ้นชักแห่งความสุข ที่เมื่อเปิดลิ้นชักแห่งความสุขเมื่อใด ก็เกิดปิติสุขได้อย่างประหลาด เช่นเรื่องราวที่ผู้เขียนได้ประสบมา...ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่อยากเล่า อยากแบ่งปันเรื่องราวดีๆ เมื่อเวลาของเรื่องนั้น...มาถึง
สิบกว่าปีก่อน ผู้เขียนมีโอกาส (จริง ๆ จะถือว่าเป็นโอกาสก็คงไม่ใช่ เพราะแบบว่า คิดปุบ บินปับ เหมือนมีอะไรดลใจให้ไป มากกว่า) ไปเยี่ยมน้าที่แต่งงานและอยู่กับครอบครัวที่ประเทศมาเลเซีย เขตแดนติดกับทางใต้ของไทย (ซึ่งถ้าหากตอนนี้ให้ไปอีก ต้องขอคิดดูก่อน เพราะความกล้า บ้าบิ่นของผู้เขียน ถูกบลดทอนให้น้อยลงด้วยวัย สถานะ และกาลเวลา สำคัญก็คือ ปาฎิหารย์ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง...ในชีวิต เพราะหากต้องเดินทางคนเดียวเหมือนสิบกว่าปีก่อน คราวนี้ ผู้เขียนคงได้กลับเมืองไทยแบบ ธาตุดินอย่างเดียว...แน่นอน) เมืองที่ญาติผู้เขียนอาศัยอยู่ห่างจากจากด่านสะเดาเข้าไปในมาเลเซียประมาณชั่วโมงครึ่งเดินทางด้วยรถยนต์ (เสียดายผู้เขียนจำชื่อเมืองไม่ได้ สมัยนั้นผู้เขียนก็ยังไม่มีกล้องถ่ายภาพ และมือถือสมัยก่อนก็ยังไม่สามาถถ่ายภาพได้)
สิบกว่าปีก่อน ผู้เขียนมีโอกาส (จริง ๆ จะถือว่าเป็นโอกาสก็คงไม่ใช่ เพราะแบบว่า คิดปุบ บินปับ เหมือนมีอะไรดลใจให้ไป มากกว่า) ไปเยี่ยมน้าที่แต่งงานและอยู่กับครอบครัวที่ประเทศมาเลเซีย เขตแดนติดกับทางใต้ของไทย (ซึ่งถ้าหากตอนนี้ให้ไปอีก ต้องขอคิดดูก่อน เพราะความกล้า บ้าบิ่นของผู้เขียน ถูกบลดทอนให้น้อยลงด้วยวัย สถานะ และกาลเวลา สำคัญก็คือ ปาฎิหารย์ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง...ในชีวิต เพราะหากต้องเดินทางคนเดียวเหมือนสิบกว่าปีก่อน คราวนี้ ผู้เขียนคงได้กลับเมืองไทยแบบ ธาตุดินอย่างเดียว...แน่นอน) เมืองที่ญาติผู้เขียนอาศัยอยู่ห่างจากจากด่านสะเดาเข้าไปในมาเลเซียประมาณชั่วโมงครึ่งเดินทางด้วยรถยนต์ (เสียดายผู้เขียนจำชื่อเมืองไม่ได้ สมัยนั้นผู้เขียนก็ยังไม่มีกล้องถ่ายภาพ และมือถือสมัยก่อนก็ยังไม่สามาถถ่ายภาพได้)
น้าได้พาผู้เขียนไปไหว้ทำความรู้จักกับ ญาติๆ ทางสามีน้า พร้อมทั้งเพื่อนบ้าน ที่ดูเหมือนว่าแทบจะรู้จักกันทั้งหมู่บ้านก็ว่าได้ บ้านแต่ละหลังแสดงให้เห็นถึงฐานะแต่ละครอบครัว ว่ามีอันจะกินพอสมควร ซึ่งต่างกับชาวบ้านตามชายแดนในบ้านเรา คนที่โน่นใช้ภาษามาเลเซีย และภาษาท้องถิ่น (จำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร) บางคนพูดภาษาไทยได้ชัดเจนเหมือนคนไทยด้วย แต่ละคนมีน้ำจิตไมตรี ต้อนรับไต่ถามสารทุกข์สุกดิบราวกับผู้เขียนเป็นลูกหลาน
หลายครัวเรือนส่วนใหญ่ที่น้าพาผู้เขียนไปรู้จัก สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนเห็นแล้วทึ่งเมื่อเข้าไปในบ้านเหล่านั้นคือ ในห้องนั่งเล่นของแต่ละบ้านจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงและสมเด็จพระบรมราชินีนาถแขวนไว้บนเสาบ้านบ้าง ข้างฝาบ้านบ้าง ผู้เขียนแปลกใจจึงถามว่า ทำไมแขวนรูปในหลวงและสมเด็จพระราชินี เขาบอกกับผู้เขียนด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุข และภาคภูมิใจว่า เขารัก และเทอดทูนในหลวง ผู้เขียนถามว่า ทำไมหล่ะ ก็เป็นชาวมาเลเซียไม่ใช่หรือ เขาบอกว่า ถึงเขาจะเป็นชาวมาเลเซีย แต่เขาถือว่า เขาเป็น ไทย-มาเล และเขาก็รักในหลวง เขาติดรูปในหลวงและราชินีไว้กราบไหว้ (พูดพร้อมทั้งยกมือพนมไหว้ด้วย ผู้เขียนก็ถามด้วยเหมือนกันว่าเขาเป็นคนไทย แล้วอพยพมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า เขาจึงเทอดทูนในหลวง เขาบอกไม่ใช่ เขาก็เกิด และอยู่ที่นี่แหล่ะ เป็นชาวมาเลเซีย) ในหลวงท่านทรงมีพระเมตตามาก (ผู้ใหญ่คนนั้นบอกฉัน ยิ่งกว่านั้นที่ฉันเห็น บางบ้านมีรูปหลวงพ่อคูณด้วย)
ผู้เขียนเชื่อว่าความรักอันยิ่งใหญ่ที่คนไทยมีต่อในหลวง สมเด็จพระราชินี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ยิ่งใหญ่ไม่เทียบเท่ากับความรัก และพระเมตตาของทั้งสองพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย ที่แผ่กว้างไกลไพศาล บริสุทธิ์ และไร้ขอบเขต...ผู้เขียนเชื่อว่า คนไทยทุกคนสัมผัสความรักของพระองค์ได้...ด้วยใจ...เช่น ผู้เขียนและคนไทยอีกทั้งประเทศ
** ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน **
No comments:
Post a Comment