Dhamma for Life

"เราจะเป็นชาวพุทธที่แท้จริงนะ เราต้องศึกษาสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ศึกษาอย่างเดียวไม่พอนะ ต้องลงมือปฏิบัติจริงๆ ด้วยจนเห็นผล พอเห็นผลแล้ว เราก็มีหน้าที่บอกต่อ เนี่ยหน้าที่ของชาวพุทธนะ ตัวเองต้องศึกษา ต้องฟังก่อน ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร เรียกว่าเรียนปริยัตินั้นเอง แล้วก็ลงมือปฏิบัติว่าได้ผลแล้วก็ต้องบอกต่อ ศาสนาถึงจะดำรงอยู่ได้ แต่ละคนมีภารกิจ อย่านึกว่าแค่ว่าเราจะมาฟังธรรมะเล่นๆ แต่ละคนมีความสำคัญทั้งนั้น"


"หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้ ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลาจะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป เพราะถึงเวลานั้น พวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทาง ไปอีกนานแสนนาน"

...หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช...สวนสันติธรรม...

Mar 27, 2012

Mata Hari จารสตรี หรือเธอเป็นเพียงศิลปินระบำเปลื้องผ้า, ครั้งหนึ่งกับละครเวที เล็ก ๆ คุณภาพระดับมืออาชีพ Theater and live-music

Photo of Mata Hari, Postcard set  by Stanslaus Walery 

ครั้งแรกที่มีโอกาสได้ดูละครเวทีประกอบการร้องซึ่งจัดแสดงที่โรงละครเล็ก ๆ “Mier Theater“ในซูริก
โรงละครที่ว่าเล็กนั้น เล็กจริง ๆ เล็กกว่าโรงหนังบ้านเรา ซึ่งจุคนได้เพียง 145 คน ที่นั่งชมแบ่งเป็น 9 แถว ลดหลั่นขึ้นไปเป็นขั้นบันได (ห้างร้านนั่งถูกทำขึ้นเหมือนเพียงชั่วคราว) เก้าอี้สำหรับนั่งดูละครก็เป็นเก้าอี้พื้นพลาสติกธรรมดา ๆ (เหมือนเก้าอี้ไว้นั่งในหอประชุมผู้ปกครอง หรือเก้าอี้ใช้นั่งทานข้าวกลางสนาม) เวทีการแสดง ใช้พื้นห้องธรรมดา ขนาดประมาณ 3.5x 5 เมตร ฉากสำหรับประกอบเวทีการแสดงไม่มีอะไรยุ่งยากมากมายเป็นเพียงผ้าม่านสีขาวธรรมดา สลับสับเปลี่ยนฉากให้เป็นบรรยากาศห้องนอน โรงแรม หรือสถานบันเทิงด้วยการเลื่อนเปิด-ปิด ผ้าม่าน โดยสับเปลี่ยนโคมไฟ (โดยการเลื่อนเปลี่ยนโคมไฟบนรางไป-มา) และสับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ประกอบฉากนั้น ๆ โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองเด็กยกฉาก หรือยกเฟอร์นิเจอร์แม้แต่คนเดียว เพราะว่านักแสดงทุกคนเป็นทั้งเด็กจัดฉาก ยกเตียง ย้ายโตํะ เก้าอี้ประกอบฉากเอง และใช้นักคนตรีเล่นเพลงประกอบการแสดงเพียงสามคนเท่านั้น

Mar 4, 2012

เข้าเฝ้า ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ - ชมนิทรรศการ ถักร้อย-สร้อยรัก

ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ทรงบรรเลงกู่เจิ้งแก่พสกนิกรชาวไทย ณ กรุงเจนีวา
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นอีกหนึ่งวันที่ผู้เขียนได้เก็บภาพ และเรื่องราวดีๆ พร้อมทั้งความปลื้มปิติสุขที่แม้ถึง วันนี้ ความรู้สึกเช่นนั้นก็ยังประทับอยู่ในใจผู้เขียน นึกถึงคราวใดก็สุขเมื่อนั้น ผู้เขียนจึงอยากแบ่งปันความทรงจำดี ๆ เช่นนี้ แก่ทุกท่านที่อาจบังเอิญผ่านเข้ามา ณ บ้านหลังนี้

ผู้เขียนและชาวไทยในสวิสฯ ได้มีโอกาส เข้าเฝ้า ศาตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี  ในโอกาสที่พระองค์เสด็จเยือนสมาพันธรัฐสวิสระหว่างวันที่ 17 – 22 กุมภาพันธ์ 2555 เพื่อทรงเข้าร่วมการประชุม กับองค์การอนามัยโลก  เรื่องการดำเนินงานทางด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และในฐานะที่ทรงเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย  ที่จะเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติ ว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ เมืองริโอ เดอ จาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ในเดือนมิถุนายน 2555

ในโอกาสนี้ ชาวไทยในสวิสฯ  ยังได้ชมนิทรรศการการแสดงสร้อยฝีพระหัตถ์ในโครงการ ถักร้อย-สร้อยรัก และร่วมสมทบทุนมูลนิธิจุฬาภรณ์ช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการบำบัดรักษา