Dhamma for Life

"เราจะเป็นชาวพุทธที่แท้จริงนะ เราต้องศึกษาสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ศึกษาอย่างเดียวไม่พอนะ ต้องลงมือปฏิบัติจริงๆ ด้วยจนเห็นผล พอเห็นผลแล้ว เราก็มีหน้าที่บอกต่อ เนี่ยหน้าที่ของชาวพุทธนะ ตัวเองต้องศึกษา ต้องฟังก่อน ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร เรียกว่าเรียนปริยัตินั้นเอง แล้วก็ลงมือปฏิบัติว่าได้ผลแล้วก็ต้องบอกต่อ ศาสนาถึงจะดำรงอยู่ได้ แต่ละคนมีภารกิจ อย่านึกว่าแค่ว่าเราจะมาฟังธรรมะเล่นๆ แต่ละคนมีความสำคัญทั้งนั้น"


"หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้ ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลาจะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป เพราะถึงเวลานั้น พวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทาง ไปอีกนานแสนนาน"

...หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช...สวนสันติธรรม...

Sep 21, 2010

อุปสรรคหรือวัดใจ


...พักสายตา พักใจที่หมอง มองดูทะเล ดีกว่า...Thun See 2009


ขมักเขม้นจิ้มพิมพ์หนังสือมาร่วมสองเดือนอยู่ดี ๆ ก็มีเหตุการณ์เข้ามาวัดจิต สกิดให้ใจเศร้า Hard Disk เจ้ากรรมดันมาเสีย  เสียบก็ไม่เห็น เข็ญเท่าไรก็ไม่อ่าน แล้วก็ให้ช่างบังเอิญเสียจริง ไฟล์ต้นฉบับที่ อัฟเดตใหม่ทั้งหมดก็ถูกโอนถ่ายมาใส่ใน เจ้า Harddisk ตัวจิ๋วนี้ทั้งหมดเสียด้วยสิ แถมไม่เหลือร่องรอยไฟล์เก่าทั้งในโน๊ตบุคและ Desktop เลย ไม่น่าเลย

สังหรณ์ใจอยู่แล้วเชียว ว่า จะ Copy ต้นฉบับไปไว้ใน Hard Disk ในเครื่องอันใดอันหนึ่งอีกตัว เผื่อกันเหนียว ก็มัวแต่ ว่าจะ ว่าจะ แล้วเป็นไงหล่ะคราวนี้ ต้องเริ่มต้นกันใหม่หมดเลยทีเดียว ก็คงต้องทำใจ ได้อย่างเดียว เฮ้อ เนี่ยนะ เรียกว่า เลินเล่อ ไม่มีสติของตัวเอง ก็เพราะเผลอไปเหยียบเจ้า Hard Disk ตัวจิ๋วที่วางไว้กับพื้นนะสิ สมควรแล้วที่มันจะพัง ก็เหยียบซะเต็มเท้างั้น  

ไหน ๆ มันก็เนิ่นช้าแล้ว ทุกข์ไปก็เท่านั้น รังแต่จะทำให้จิตหมอง  เริ่มใหม่ เขียนใหม่ ก็แค่นั้นเอง อย่างน้อยก็ยังมีภาพถ่ายต้นฉบับอยู่

ระหว่างพักดับความหงุดหงิดของตัวเอง ด้วยการอ่านหนังสือ สมเด็จพระสังฆราช ดับร้อนในใจ เจอพระพุทธพจน์ ดีดี จึงขออัญเชิญมาโพสแบ่งปันให้อ่านกัน   เผื่อว่าใครกำลังท้อแท้จะได้มีกำลังใจและเตือนใจไม่ให้เผลอลืมสติอันมีค่า

·         ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ทำประโยชน์ให้สำเร็จได้
·         ความอดทน  นำสุขมาให้
·         สุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบไม่มี
·         พึงตามรักษาจิตของตนด้วยสติเหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน
·         ท่านทั้งหลาย จงบำเพ็ญประโยชน์ด้วยความไม่ประมาทเถิด

คัดมาจากหนังสือ พระสังฆราช จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา เป็นหนังสือเกี่ยวกับ พระราชประวัติ พระธรรมเทศนา พระธรรมนิพนธ์ พระวรคติธรรม 
หากใครยังไม่มี ผู้เขียนแนะนำ ให้ลองไปหามาอ่านกัน  เป็นหนังสือดีมีคุณค่ายิ่ง




อีกหนึ่ง เรียงร้อยถ้อยอักษรที่พาให้ใจเราเบาและเย็นใจ จากนักประพันธ์คนดังที่แม้วัยใส ๆ ก็รู้จักกันดี...คุณดังตฤณ ขอขอบคุณบทความดีๆ "คิดจากความว่าง 1" จาก dungtrin.com




ว่างจากรอยร้าว


ก้อนหินพุ่งกระทบกำแพงศิลาเกิดเสียงดัง
ความดังของเสียงนั้นสงบเงียบลงในพริบตา

ก้อนหินหล่นกระทบผิวน้ำเกิดระลอกคลื่น
วงคลื่นนั้นขยายเนิบออกไปสู่ความสิ้นสุดที่ขอบสระ

ก้อนหินเข้ากระทบแผ่นแก้วเกิดรอยร้าว
รอยร้าวนั้นคงที่อย่างยากจะประสานคืน

ส่ำเสียงและรูปลักษณ์นานา
กระทบตาแล้วเกิดปฏิกิริยาทางใจ
น้อยคนมีใจเหมือนกำแพงศิลาที่ดังวูบเดียวแล้วเงียบหาย
หลายคนมีใจเหมือนผืนน้ำจำกัดเขตความกระเพื่อม
ส่วนใหญ่มีใจเหมือนแผ่นแก้วเปราะบางพร้อมร้าวถาวร

ใจที่ว่างจากรอยร้าว
ต้องแกร่งแน่นเหมือนหินผา
หรือนุ่มเย็นดุจลำน้ำเรียบ

ไม่มีใครใจแกร่งตั้งแต่เกิด
ความแกร่งเกิดจากขันติและอุเบกขา
ขันติคือตั้งใจอดกลั้นไม่หุนหันพลันแล่น
อุเบกขาคือเห็นโทษของการถือสาและประโยชน์ของการวางเฉย

ไม่มีใครใจเย็นตั้งแต่เกิด
ความเย็นเกิดจากเมตตาและอุเบกขา
เมตตาคือปรารถนาดีต่อผู้อื่นเสมอตน
อุเบกขาคือเห็นตามจริงว่าทุกคนไม่ได้ทำใครมากกว่าทำตัวเอง
  

No comments:

Post a Comment