Dhamma for Life

"เราจะเป็นชาวพุทธที่แท้จริงนะ เราต้องศึกษาสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ศึกษาอย่างเดียวไม่พอนะ ต้องลงมือปฏิบัติจริงๆ ด้วยจนเห็นผล พอเห็นผลแล้ว เราก็มีหน้าที่บอกต่อ เนี่ยหน้าที่ของชาวพุทธนะ ตัวเองต้องศึกษา ต้องฟังก่อน ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร เรียกว่าเรียนปริยัตินั้นเอง แล้วก็ลงมือปฏิบัติว่าได้ผลแล้วก็ต้องบอกต่อ ศาสนาถึงจะดำรงอยู่ได้ แต่ละคนมีภารกิจ อย่านึกว่าแค่ว่าเราจะมาฟังธรรมะเล่นๆ แต่ละคนมีความสำคัญทั้งนั้น"


"หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้ ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลาจะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป เพราะถึงเวลานั้น พวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทาง ไปอีกนานแสนนาน"

...หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช...สวนสันติธรรม...

Sep 23, 2011

Happy Birthday แบบสวิสฯ - ฝึกดูจิตท่ามกลางงานสังสรรค์

บันทึก...ทบทวน ครั้งหนึ่ง

อาทิตย์ก่อนได้รับเชิญไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนสามี นัยว่าจัดฉลองวันเกิดรวมกันสองคน แม่-ลูก ฉลองอายุครบรวมกัน 90 ปี (เข้าท่าดี ประหยัดไปอีกแบบ)

งานฉลองแบบสวิสฯ สวิสฯ เจ้าภาพจะส่งบัตรเทียบเชิญแขกล่วงหน้า (แบบหยั่งเชิงนับจำนวนคนไปร่วมงาน เพื่อวางแผนเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่าย) บางเจ้าภาพก็ส่งบัตรเชิญแขกล่วงหน้าเป็นเดือน หรือสองเดือน หรือเชิญล่วงหน้าสาม-สี่เดือน เช่นเพื่อนสามีคนนี้ (หากเป็นคนไทยขืนเทียบเชิญแขกล่วงหน้านานขนาดนี้ แขกบางคนอาจลืมวัน ไม่ได้ไปร่วมเป็นแน่ หรือมีเหตุด่วนจำเป็นอย่างอื่นที่เลี่ยงไม่ได้)


ธรรมเนียมของผู้ถูกเชิญก็ต้องตอบกลับเจ้าภาพล่วงหน้าว่าจะไปหรือไม่ด้วยเช่นกัน หากไม่แจ้งล่วงหน้าก็จะเป็นการเสียมารยาทอย่างแรง

หากเป็นเมื่อก่อน ทุกครั้งที่ถูกเชิญไปร่วมงานสังสรรค์ หรือบริษัทจัดงานเลี้ยงใด ๆ ก็ตาม ใจฉันจะรู้สึกยินดีปรีดา รู้สึกเป็นเกียรติ์ และคิดเข้าข้างตัวเองว่ามีความสำคัญ ได้รับเกียรติเชิญให้ไปร่วมงาน ใจมันโลดแล่นล่วงหน้าอยากให้ถึงวันกินเลี้ยง สังสรรค์นั้น เร็ว ๆ วาดภาพคิดถึงความสุข สนุก รื่นเริง (ชั่วคราว) ที่จะได้รับในงานเลี้ยงนั้นๆ ไม่อยากให้งานเลี้ยงนั้นเลิกเร็ว โดยเฉพาะหากได้คนคุยถูกใจ งานสนุก โดยไม่รู้อย่างนี้เรียกว่า ขาดสติหลงอยู่กับความสุขทางโลก แบบสุดๆ เลยทีเดียว

หลัง ๆ มาฉันเริ่มสังเกตุเห็นใจตัวเองเปลี่ยนไปไม่รู้สึกกระดี๊กระด๊าเหมือนก่อน ฉันเห็นความรู้สึกดีใจเล็ก ๆ  (เมื่อได้รับเชิญไปงาน) ที่เกิดขึ้นในจิตแล้วก็หายไป กลับเป็นความรู้สึกใหม่เข้ามาแทนที่ ความรู้สึกที่เหมือนกำลังทำหน้าที่ หน้าที่ที่ต้องมีปฎิสัมพันธ์กับคนรอบข้างในสังคม หน้าที่ที่ฉันยังต้องมีสังคม กลายเป็น รู้สึกว่าได้ไป (รับเชิญ) ก็ได้ (ดี) ไม่ได้ไป (รับเชิญ) ก็ไม่เป็นไร มาแทนที่

งานวันเกิดแบบฉบับของชาวสวิสฯ เริ่มด้วยเจ้าภาพกล่าวสุทรพจน์พร้อมรายละเอียดโปรแกรมของงานทั้งเมนูอาหาร ตามด้วยการแสดงขับร้องประสานเสียง จากวงคอรัสที่สามีเจ้าภาพเป็นสมาชิกและร่วมขับร้องด้วย สลับกับการแสดง talk show เพื่อเรียกเสียงหัวเราะ เพิ่มรสชาติของความบันเทิง ป้อนความขบขันให้แขกได้หัวเราะตลอดทั้งงาน

ในขณะที่ปากฉันหัวเราะ สลับกันสนทนากับคนรอบข้าง ฉันเห็นความรู้สึกเบื่อหน่ายเกิดขึ้นในจิต ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนรอบข้างที่กำลังขำกลิ้งกับเรื่องตลกที่นักพูดกำลังเล่าเสริมเติมใข่ใส่สีอย่างออกรส ฉันเห็นใจฉันมันเฝือ รู้สึกไร้สาระกับคำพูดที่ออกรสออกชาติและการแสดงตลกอยู่ ในใจเงียบ ๆ (ผิดกับตัวฉันเมื่อกว่าสิบปีก่อน ที่มักจะร่วมสนุก เสริมคำพูดให้คนอื่นได้ขำฮาเป็นว่าเล่น เสียเอง) แต่การทำหน้าที่แขกที่ดีของงานคือทำตัวกลมกลืนแบบหลิวลู่ลม แม้จะเห็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ อยู่อย่างเงียบๆ ตรงข้ามกับกับภายนอกที่ฉันกำลังหัวเราะ ร่าเริง ร่วมสนุกกับแขกอื่นๆ ร่วมสนทนากับเพื่อนร่วมโต็ะอย่างออกรส ความรู้สึกที่เกิดในจิต เกิดแล้วดับ เห็นจิตคิด ทันบ้าง หลงบ้างเป็นครั้งคราว ราวกับเห็นตัวเองมีหลายคนในหนึ่งร่าง ราวกับตัวเองเป็นผู้เล่นละคร เหมือนเห็นฉากละครบาง ๆ ที่ผ่านมา-แล้วไปอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกแปลกที่เกิดขึ้นภายใน แปลกที่ว่าครั้งนีฉันรู้สึกสบายๆ ไม่รู้สึกอึดอัดคับแน่นอยู่ในใจเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา อย่างนี้กระมัง ที่ครูบาอาจารย์คอยพร่ำสอน ให้เจริญสติ ดูจิตมันทำงานไป ไม่ฝืน ไม่บังคับ ไม่อยากให้จิตมันเป็นอย่างที่เราต้องการ ไม่แทรกแซง วันหนึ่งหากเราปฎิบัติถูกทาง เราก็จะรู้ได้ด้วยตนเอง สัมผัสได้ ถึงความเบา สบาย สงบอย่างเงียบๆ อยู่ภายใน การภาวนาไม่ยากเกินฝืน

ใจอยากให้งานเลี้ยงเลิกเร็ว ๆ ก็ให้รู้
ใจรู้สึกเบื่อ เฝือ ก็ให้รู้
ใจรู้สึกขำ ก็ให้รู้ ใจรู้สึก...อย่างไร ก็เพียงแค่รู้อย่างนั้น เห็นอยู่อย่างนั้น อย่างที่มันเป็น
รู้อย่างเดียว รู้คนเดียว.. รู้ในใจ...ไม่แทรกแซง

ถึงวันนี้ฉันพอจะเข้าใจ (เล็กๆ) บ้างแล้วว่า การเจริญสติ ในชีวิตประจำวันสามารถทำได้ และมีความสุขได้ การปฎิบัติภาวนา ไม่ใช่เรื่องยากเข็ญ ทุกคนสามารถทำได้ ไม่จำกัดสถานที่ และกาลเวลา ตราบใดที่เรายังหายใจได้อยู่ แม้ต้องอยู่ท่ามกลางความไม่ชอบใจ หรือแม้อยู่ท่ามกลางงานสังสรรค์ ...ก็ตาม

หากฉัน (ทุกคน) หมั่นเจริญสติไปเรื่อยๆ สักวันคงถึงปลายทางแห่งความพ้นทุกข์ ที่ที่ไม่ไกล...เกินเอื้อม

20 กย 54
ตั้งใข่...ฝึกดูจิต

No comments:

Post a Comment