Dhamma for Life

"เราจะเป็นชาวพุทธที่แท้จริงนะ เราต้องศึกษาสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ศึกษาอย่างเดียวไม่พอนะ ต้องลงมือปฏิบัติจริงๆ ด้วยจนเห็นผล พอเห็นผลแล้ว เราก็มีหน้าที่บอกต่อ เนี่ยหน้าที่ของชาวพุทธนะ ตัวเองต้องศึกษา ต้องฟังก่อน ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร เรียกว่าเรียนปริยัตินั้นเอง แล้วก็ลงมือปฏิบัติว่าได้ผลแล้วก็ต้องบอกต่อ ศาสนาถึงจะดำรงอยู่ได้ แต่ละคนมีภารกิจ อย่านึกว่าแค่ว่าเราจะมาฟังธรรมะเล่นๆ แต่ละคนมีความสำคัญทั้งนั้น"


"หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้ ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลาจะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป เพราะถึงเวลานั้น พวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทาง ไปอีกนานแสนนาน"

...หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช...สวนสันติธรรม...

Aug 2, 2011

Schweizer Bundesfeier (Swiss National Day) & My Mother's Birthday


วันชาติสวิสฯ เวียนมาอีกรอบ มาพร้อมกับวันเกิดแม่ฉัน  ปีนี้สวิสฯ ฉลองอายุ 720 ปี ส่วนแม่ของฉัน ฉันแทบไม่อยากนึก เพราะอาจทำให้ฉันเศร้ามากกว่านี้ ที่ไม่สามารถหยุดอายุแม่ไว้ ไม่ให้แก่กว่านี้ นะสิ

สุขสันต์วันชาติสวิสฯ ขอบคุณประเทศสวิสฯ ที่แบ่งพื้นที่เล็ก ๆ ให้ฉันได้อยู่อาศัย

สุขสันต์วันเกิดถึงแม่ฉัน กราบพระรัตนตรัยให้แม่อยู่เย็นเป็นสุข ทุกคืนยาม พร้อมอายุ วรรณะ สุขะ พละ


หลายคนบอก วันเกิดต้องฉลอง แบบธรรมเนียมฝรั่งฝั่งตะวันตกจึงจะทันสมัย  ในความเป็นจริง ถึงแม้ว่าการเฉลิมฉลองวันเกิดของชาวสวิสจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตก็ตาม แค่ก็ใช่ว่าต้องฉลองวันเกิดทุกปี   ขืนฉลองกันทุกปีเป็นได้กินแต่นมเป็นแน่ (เพราะนมที่สวิสฯ ถูกและมีเหลือล้น นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่สวิสฯ ผลิตชีสมากกว่า 3000 ชนิด)  ส่วนใหญ่ ก็จะฉลองกันเป็นช่วงปี เช่นคนที่เข้าวัยกลางคนไปแล้วมักจะฉลองวันเกิดช่วง  50 ปี 60 ปี 70ปี และ 80ปี หรือ 85 ปี สำหรับผู้สูงอายุเป็นต้น

ส่วนวัฒนธรรมแบบไทย ๆ เรา หากจะถือเอาวันเกิด เป็นวันพิเศษเพื่อทำอะไร ๆ ที่เป็นพิเศษให้กับชีวิต (ที่มักจะอ้างกันว่าไม่มีเวลา ยุ่งตลอด 365 วันก็ตาม) แบบไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากมาย แถมได้ทำบุญกุศล ได้ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ด้วยเช้าทำบุญตักบาตรหน้าบ้าน ช่วยคนตกทุกได้ยาก หรือจะเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือสังคมก็ถือว่าได้ทำทานด้วยแรง หรือจะไปบริจาคเลือดก็ยิ่งได้บุญอีกโข แล้วตั้งใจสมาทานศีลห้า สักวันเต็ม ๆ แบบให้มีศีลสอาด อย่างน้อยก็ถือว่าได้รักษาศีลหนึ่งวันเต็ม ๆ จาก 365 วัน ที่ศีลแหว่งบ้าง ขาดบ้างเป็นประจำ หากกลัวใครเขาว่าไม่ทันสมัยก็เลี้ยงของว่างน้ำชา การแฟขนมไทยอร่อยจากตลาดหน้าบ้าน ให้กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง จะที่บ้าน หรือนอกบ้าน ประมาณแบบว่าพอเพียงที่ไม่เบียดเบียนตนเอง คิดเสียว่าได้กระจายรายได้สู่คนทำมาหากินสุจริตเช่นเรา  หรือจะพาครอบครัวไปฟังธรรม เจริญภาวนา กินข้าววัด ก็ถือได้ว่าได้จัดเลี้ยงแบบให้ทั้งธรรมเป็นทานบวกบุญกุศลให้คนรอบข้างได้อีกด้วย

แล้วการฉลองวันเกิดชาติไหน จะสู้แบบไทย ๆ อย่างเราๆ ได้อย่างไร เป็นการฉลองวันเกิดอย่างมีคุณค่า ทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง แถมไม่ต้องสิ้นเปลืองมากแต่ได้ทั้งคามสุขใจ อิ่มใจ แถมได้กุศลอีกต่างหาก...จริงไหม

No comments:

Post a Comment